ข้ามไปเนื้อหา

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ประเทศไทย)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
National Human Rights Commission of Thailand
ภาพรวมคณะกรรมการ
ก่อตั้ง13 กรกฎาคม พ.ศ. 2544; 23 ปีก่อน (2544-07-13)
ประเภทองค์กรอิสระ
เขตอำนาจทั่วราชอาณาจักร
สำนักงานใหญ่เลขที่ 120 หมู่ 3 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ชั้น 6-7 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
บุคลากร322 คน (พ.ศ. 2566)[1]
งบประมาณต่อปี331,388,000 บาท
(พ.ศ. 2568)[2]
ฝ่ายบริหารคณะกรรมการ
  • พรประไพ กาญจนรินทร์, ประธานกรรมการ
ลูกสังกัดคณะกรรมการ
  • สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เว็บไซต์เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
Office of the National Human Rights Commission of Thailand
ภาพรวมสำนักงาน
ก่อตั้ง13 กรกฎาคม พ.ศ. 2544; 23 ปีก่อน (2544-07-13)
ประเภทองค์กรอิสระ
เขตอำนาจทั่วราชอาณาจักร
สำนักงานใหญ่เลขที่ 120 หมู่ 3 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ชั้น 6-7 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
บุคลากร322 คน (พ.ศ. 2566)[1]
งบประมาณต่อปี331,388,000 บาท
(พ.ศ. 2568)[2]
ฝ่ายบริหารสำนักงาน
  • หรรษา หอมหวล, เลขาธิการ
  • รตญา กอบศิริกาญจน์, รองเลขาธิการ
  • ภาณุวัฒน์ ทองสุข, รองเลขาธิการ
  • ว่าง, รองเลขาธิการ
ต้นสังกัดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เว็บไซต์เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ[3] (อังกฤษ: National Human Rights Commission of Thailand) เป็นคณะบุคคลจำนวน 7 คน ซึ่งประกอบด้วย ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ โดยต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนด้วย

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีวาระการดำรงตำแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว โดยมีสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (อังกฤษ: Office of the National Human Rights Commission of Thailand) เป็นหน่วยงานราชการ ที่มีฐานะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปฏิบัติราชการภายใต้อำนาจหน้าที่ ปัจจุบันมีนายแพทย์พิทักษ์พล บุญยมาลิก เป็น เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

อำนาจหน้าที่

[แก้]
  1. ตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรืออันไม่เป็นไปตามพันธกรณี ระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี และเสนอมาตรการการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระทำ หรือละเลยการกระทำดังกล่าวเพื่อดำเนินการ ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการตามที่เสนอ ให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อดำเนินการต่อไป
  2. เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
  3. ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน
  4. ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยราชการ องค์การเอกชน และองค์การอื่นในด้านสิทธิมนุษยชน
  5. จัดทำรายงานประจำปีเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ภายในประเทศและเสนอต่อรัฐสภา
  6. อำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ

ในการปฏิบัติหน้าที่ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและของประชาชนประกอบด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีอำนาจเรียกเอกสาร หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ รวมทั้งมีอำนาจอื่นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

[แก้]
ชุดที่ 1 (พ.ศ. 2544-2552) ชุดที่ 2 (พ.ศ. 2552-2558) ชุดที่ 3 (20 พ.ย.2558 -2564) ชุดที่ 4 (25 พ.ค.2564[4] -ปัจจุบัน)

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566, สืบค้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2567
  2. 2.0 2.1 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘, เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๑๐๓, ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗
  3. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง กำหนดภาพเครื่องหมายราชการตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายราชการ พุทธศักราช ๒๔๘๒ (ฉบับที่ 304)
  4. พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนพิเศษ 114 ง หน้า 3-4 วันที่ 27 พฤษภาคม 2564
  5. "สุรเชษฐ์"ยื่นหนังสือลาออก จากกสม.มีผลทันที

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]