มณฑลบูรพา
มณฑลบูรพา | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
มณฑลเทศาภิบาล | |||||||||||||||||
พ.ศ. 2434 – 2449 | |||||||||||||||||
เมืองหลวง | ศรีโสภณ | ||||||||||||||||
การปกครอง | |||||||||||||||||
• ประเภท | ข้าหลวงเทศาภิบาลต่างพระเนตรพระกรรณ | ||||||||||||||||
ข้าหลวงเทศาภิบาล | |||||||||||||||||
• พ.ศ. 2434–2436 | พระยามหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น ศรีเพ็ญ) (คนแรก) | ||||||||||||||||
• พ.ศ. 2436–2446 | พระยาศักดาภิเดชวรฤทธิ์ (ดั่น อัมรานนท์) | ||||||||||||||||
• พ.ศ. 2446–2449 | เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) (คนสุดท้าย) | ||||||||||||||||
ยุคทางประวัติศาสตร์ | รัตนโกสินทร์ | ||||||||||||||||
• จัดตั้งมณฑลเขมร | พ.ศ. 2434 | ||||||||||||||||
• เปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลตะวันออก | พ.ศ. 2442 | ||||||||||||||||
• เปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลบูรพา | 21 มกราคม พ.ศ. 2444 | ||||||||||||||||
• ยกดินแดนให้ฝรั่งเศส | 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 | ||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | กัมพูชา |
มณฑลบูรพา หรือเดิมชื่อ มณฑลเขมร ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2434 ประกอบด้วยเมืองเสียมราฐ เมืองพระตะบอง เมืองพนมศก และเมืองศรีโสภณ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชา โดยได้เสียดินแดนไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 เพื่อแลกกับเมืองตราดและเมืองด่านซ้าย
ภูมิหลัง
[แก้]เมืองเสียมราฐ เมืองพระตะบอง เมืองพนมศก และเมืองศรีโสภณ เป็นดินแดนทางภาคตะวันตกของเขมร มีฐานะเป็นศูนย์รักษาการใช้ควบคุมอำนาจในเขมร[1] ป้องกันการขยายตัวของญวน และเพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ จนเมื่อ พ.ศ. 2338 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงแต่งตั้งนักองค์เองออกไปเป็นพระเจ้าแผ่นดินกัมพูชา ปกครองในฐานะประเทศราช ส่วนเมืองพระตะบองและเสียมราฐ โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (แบน) ปกครองโดยขึ้นตรงกับกรุงเทพฯ นับแต่นั้นมา จนถึงสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาแทรกแทรงกิจการในเขมร จน พ.ศ. 2410 ไทยจำเป็นต้นยกเขมรให้ฝรั่งเศส แต่ยังคงขอสงวนเมืองพระตะบองและเสียมราฐไว้เป็นของไทย แลกกับการยกเลิกการเป็นเจ้าอธิราชเหนือเขมร
เมืองเสียมราฐ เมืองพระตะบอง เมืองพนมศก และเมืองศรีโสภณ ถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นมณฑลที่ชื่อว่า "มณฑลเขมร" เมื่อ พ.ศ. 2434 ตามนโยบายจัดตั้งมณฑลชั้นนอก 6 มณฑล เพื่อป้องกันการคุกคามภายนอก และเพื่อเป็นการทดลองระเบียบการปกครองแบบใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้พระยามหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น ศรีเพ็ญ) เป็นข้าหลวงใหญ่ โดยตั้งที่ทำการมณฑลอยู่ที่เมืองศรีโสภณ มีเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ (เยีย อภัยวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการเมืองพระตะบอง (ซึ่งกำลังป่วยหนัก) แต่เบื้องต้นยังไม่ได้จัดระเบียบแบบแผนเหมือนมณฑลเทศาภิบาลซึ่งได้มีการจัดให้มีภายหลัง ท้ายสุดได้รับการจัดระเบียบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เมื่อ พ.ศ. 2439[2]
ต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น "มณฑลตะวันออก" เมื่อ พ.ศ. 2442 และเป็น "มณฑลบูรพา" เมื่อ พ.ศ. 2443[3] จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 ไทยต้องยอมทำสัญญายกมณฑลบูรพาให้กับฝรั่งเศสเพื่อแลกกับเมืองตราดและเมืองด่านซ้าย รวมถึงเกาะใต้แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูด เป็นของสยาม[4] และสิทธิของคนเอเชียในบังคับฝรั่งเศสซึ่งต้องอยู่ภายใต้อำนาจศาลไทย
การปฏิรูป
[แก้]ด้านการปกครอง ได้มีการจัดอำเภอเสียใหม่ โดยมณฑลบูรพามีอำเภอทั้งหมด 13 อำเภอ ส่วนอำเภอที่เคยมีอยู่แล้วก็ยกเลิกไป มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2448 นายอำเภอก็คือเจ้าเมือง เมืองขึ้น มีอำนาจต่างกัน แล้วแต่ที่เจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์จะจัดให้ เช่น มีอำนาจในการตัดสินคดีได้ ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้านยังเป็นเหมือนอย่างเก่าแบบหัวเมืองชั้นใน
ด้านการศาลหลังการปฏิรูป พ.ศ. 2439 มี 3 ศาล คือ ศาลอำเภอ ศาลเมือง มีกรมการในเมืองเป็นตุลาการตัดสินทั้งความแพ่งและความอาญา อย่างศาลแบบเก่าในหัวเมืองชั้นใน โดยไม่ได้กำหนดว่าศาลใดชำระความได้เพียงใด เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วต้องขอคำตัดสินจากเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ อีกศาลหนึ่งคือ ศาลมณฑล มีหน้าที่ชำระความเกี่ยวกับคนในบังคับต่างประเทศ และรับอุทธรณ์ความที่ส่งมาจากหัวเมืองอื่นในมณฑลบูรพา วิธีการพิจารณาคดีเช่นเดียวกับสองศาลข้างต้น ต้องร่างคำพิพากษาปรึกษาเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ก่อน[5]
ด้านการคมนาคม ได้มีการเสนอเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพ-พระตะบอง-จันทบุรี แต่รัฐบาลไม่อนุญาตให้สร้างเนื่องจากจะทำให้ควบคุมพระตะบองได้ยากลำบาก[6] มีการเปิดที่ทำการไปรษณีย์ระหว่างเมืองพระตะบองกับพนมเปญเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2432 ต่อมาได้เปิดแห่งอื่น ๆ และได้เปิดโทรเลขติดต่อกับต่างประเทศเมื่อ พ.ศ. 2436[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ, กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2 เล่ม 1. p. 90.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 206.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 204.
- ↑ "ประวัติศาสตร์การเสียดินแดนสยามในสมัยรัตนโกสินทร์ 8 ครั้ง". หอสมุดแห่งชาติ นครศรีธรรมราช. p. 343.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 217.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 228.
- ↑ มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ, 229.
บรรณานุกรม
[แก้]- วุฒิชัย มูลศิลป์. "มณฑลเทศาภิบาล : วิเคราะห์เปรียบเทียบ" (PDF). สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-07-16. สืบค้นเมื่อ 2021-08-16.